GEORGIA สายการบินระดับ 5 ดาว Air Emirate (EK)

 วันที่หนึ่ง        กรุงเทพ  (-/-/-)                        

23.30 น.        คณะพร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ โดยมีเจ้าหน้าที่ของบริษัท คอยให้การต้อนรับและดูแล

ในการตรวจเอกสารการเดินทาง เคาน์เตอร์ U ประตู 9 ของ สายการบินเอมิเรตส์ Emirates EK    

วันที่สอง         กรุงเทพ-ดูไบ-ทบิลิซี -เมืองBAKURIANI (-/-/D)                       

03.30 น.       ✈ ออกเดินทางสู่ สนามบิน BKK-DXB  ท่าอากาศยานนานาชาติดูไบ
                   โดยสายการบินเอมิเรตส์ EMIRATES EK เที่ยวบินที่ EK371 : 03.30-06.50

(ใช้เวลาเดินทาง 7 ชั่วโมง) (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง)

06.50 น.       เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติดูไบ DXB (รอต่อเครื่องประมาณ 4 ชั่วโมง 40 นาที)

                   ไฟล์ EK371: 06.50

11.00 น.       ✈ออกเดินทางสู่เมืองทบิลิชีประเทศจอร์เจีย โดยสายการบินเอมิเรตส์ Emirates EK  เที่ยวบินที่ EK2200 DXB-TBS (CODESHARE FZ0711 สายการบิน FLY DUBAI)

(เวลาบินโดยประมาณ  2 ชั่วโมง 20 นาที พักผ่อนรับประทานอาหารบนเครื่อง)

14.25 น.       เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติทบีลีซี (TBS) ประเทศจอร์เจีย นำท่านผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร และรับกระเป๋าสัมภาระ มัคคุเทศก์ท้องถิ่นรอต้อนรับ ณ ทางออกของผู้โดยสายขาเข้า

                   ท่านเดินทางสู่เมืองน้ำแร่บอร์โจมี (BORJOMI)  (ใช้เวลาเดินทาง 1ชั่วโมง 30 นาที ระยะทาง 87 กิโลเมตร) เมืองตากอากาศเล็กๆทางในหุบเขาทางตอนใต้ของประเทศจอร์เจียมีประชากรอาศัยอยู่ไม่ถึง 15,000 คน เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงระดับโลกในเรื่องน้ำแร่ โดยได้มีการบรรจุ ณ ธารน้ำแร่บริสุทธิ์ที่ไหลรินจากยอดเขาบาคุเรียนี (BAKURIANI MOUNTAIN) และส่งออกไปขายกว่า 40 ประเทศทั่วโลกโดยในอดีตชาวเมืองเชื่อกันว่าจะทำให้มีสุขภาพแข็งแรงและสามารถรักษาโรคร้ายได้

ค่ำ                รับประทานอาหารค่ำ

 นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก โรงแรม  BAKURIANI INN (BAKURIANI) ระดับ 4 ดาวหรือเทียบเท่า

วันที่สาม         สวนบอร์จอมี่ (BORJOMI CITY PARK)-เมืองกอรี-อุพลิซิเค่-พิพิธภัณท์สตาร์ลิน (B/L/D)                       

เช้า               รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก

นำท่านเข้า ชมสวนบอร์จอมี่ (BORJOMI CITY PARK) สถานที่ท่องเที่ยวและพักผ่อนของชาวเมืองบอร์จอมี่ ที่นิยมมาเดินเล่นและผ่อนคลายโดยการแช่น้ำแร่ในวันหยุด จากนั้นนำท่านขึ้นกระเช้าสู่จุดชมวิวบนหน้าผาเหนือสวนบอร์โจมีอิสระให้ท่านเก็บภาพวิวทิวทัศน์ธรรมชาติจากมุมสูงตามอัธยาศัย พร้อมนั่งกระเช้า ขึ้นยอดเขาเพื่อชมความงามของหุบเขา และสวนโดยรอบ เป็นเมืองตากอากาศเล็กๆทางในหุบเขาทางตอนใต้ของประเทศจอร์เจียมีประชากรอาศัยอยู่ไม่ถึง 15,000 คน เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงระดับโลกในเรื่องน้ำแร่ โดยได้มีการบรรจุ ณ ธารน้ำแร่บริสุทธิ์ที่ไหลรินจากยอดเขาบาคุเรียนี (BAKURIANI MOUNTAIN) และส่งออกไปขายกว่า 40 ประเทศทั่วโลกโดยในอดีตชาวเมืองเชื่อกันว่าจะทำให้มีสุขภาพแข็งแรงและสามารถรักษาโรคร้ายได้ 

เที่ยง             บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

นำท่านออกเดินทางสู่ เมืองกอรี (Gori) เป็นเมืองในภาคตะวันออกของประเทศจอร์เจียและเมืองหลักของแคว้นชีดาคาร์ทลี ตั้งอยู่บริเวณจุดบรรจบระหว่างแม่น้ำสองสาย ได้แก่ แม่น้ำมตกวารีและแม่น้ำลีอัฆวีและเป็นเมืองแห่งประวัติศาสตร์

นำพาชม อุพลิซิเค่ Uplistsikhe นครใต้ดินที่ได้รับการระบุโดยโดยนักโบราณคดีว่าเป็นหนึ่งในการตั้งถิ่นฐานในเมืองที่เก่าแก่ที่สุดในจอร์เจีย ตั้งอยู่ในใจกลางของอาณาจักรโบราณของ Kartli (หรือไอบีเรีย) ที่นี่กลายเป็นศูนย์กลางทางการเมืองและศาสนาที่สำคัญของประเทศ เป็นจุดเริ่มต้นของการเขียนหรือการจารึกของจอร์เจียในยุคกลาง สร้างขึ้นบนโขดหินสูงฝั่งซ้ายของแม่น้ำ Mtkvari ภายในประกอบด้วยสิ่งก่อสร้างต่างๆ ตั้งแต่ยุคเหล็กตอนต้นไปจนถึงยุคกลางตอนปลาย และมีความโดดเด่นในด้านการผสมผสานเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมหินตัดรูปแบบต่างๆ จากอนาโตเลียและอิหร่านเช่นกัน เป็นการอยู่ร่วมกันของสถาปัตยกรรมที่เรียบง่ายลงตัว 

และเมืองกอรี ยังเป็นบ้านเกิดของ “โจเซฟ สตาลิน” อดีตผู้ปกครองสหภาพโซเวียต ในยุค ค.ศ1920-1950 นำท่านชม พิพิธภัณฑ์สตาลิน (MUSEUM OF STALIN) ที่ได้รวบรวมเรื่องราวและสิ่งของเครื่องใช้ของ ท่านสตาลิน ตั้งแต่สถานที่เกิดจนกระทั่งเสียชีวิต 

ค่ำ                รับประทานอาหารค่ำ

 นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก โรงแรม  GORI INN (GORI) ระดับ 4 ดาวหรือเทียบเท่า 

 วันที่สี่  กูดาอูรี -เมืองคาซเบกี้-โบสถ์เกอร์เกตี้-อณุสรณ์สถานรัสเซีย-จอร์เจีย (B/L/D)                       

เช้า               รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก.

นำทุกท่านออกเดินทางสู่เมือง กูดาอูรี (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.40 ชั่วโมง) และเดินทางสู่ เมืองคาซเบกี้ (KAZBEGI) ซึ่งเป็นชื่อเมืองดั้งเดิม แต่ปัจจุบันได้เปลี่ยนมาเป็นชื่อสเตพานท์สมินด้า (STEPANTSMINDA) หลังจากนักบุญในนิกายออร์โธด๊อกชื่อ สเตฟาน ได้มาพำนักอาศัยและก่อสร้างสถานที่สำหรับจำศีลภาวนาขึ้นมาเมืองคาซเบกี้ เป็นเมืองเล็กๆที่ตั้งอยู่ตามริม ฝั่งแม่น้ำเทอร์กี้ที่มีความยาวประมาณ 157 กม. และตั้งอยู่บนความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,740 เมตร ในฤดูร้อนจะมีอุณหภูมิที่อยู่ปานกลางมีความชื้นและแห้งแล้งที่ประมาณ 14.5 องศาเซลเซียส ในฤดูหนาวมีอากาศเย็นและยาวนาน มีอุณหภูมิที่ประมาณ -5 องศาฯ ในเดือนมกราคมซึ่งเป็นเดือนที่หนาวเย็นที่สุด

เที่ยง             บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

นำท่านเปลี่ยนการเดินทางเป็นรถจี๊บ 4WD เพื่อเดินทางไปชมความงามของ โบสถ์เกอร์เกตี้ (GERGETI TRINITY CHURCH)ซึ่งถูกสร้างขึ้นในราวศตวรรษที่ 14 หรือมีอีกชื่อเรียกกันว่า ทสมินดา ซามีบา (TSMINDA SAMEBA) ซึ่งเป็นชื่อที่เรียกที่นิยมกันของโบสถ์ศักดิ์แห่งนี้สถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งขวาของแม่น้ำชคเฮรี อยู่บนเทือกเขาของคาซเบกี้ ซึ่งเป็นไฮไลท์ของประเทศจอเจียร์หิมะขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ

(การเดินทางโดย 4WD มายังสถานที่แห่งนี้ ขึ้นอยู่กับสภาพดิน ฟ้า อากาศ ซึ่งอาจจะถูกปิดกั้นได้ด้วยหิมะที่ปกคลุมอยู่ และการเดินทางอาจจะเป็นอุปสรรคได้ **ขอสงวนสิทธิ์ไม่มีการคืนค่าใช้จ่ายในกรณีเดินทางไม่ได้เนื่องจากสภาพอากาศ) 

อนุสรณ์สถานรัสเซีย-จอร์เจีย (Russia-Georgia Friendship Monument)
อนุสรณ์สถานหินโค้งขนาดใหญ่บนเนินและมีภาพวาดสุดตระการตาบนฝาผนังหินที่แผ่เต็มพื้นที่ด้านในของอนุสรณ์ทั้งหมด บอกเล่าประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ระหว่างจอร์เจียและรัสเซีย สร้างขึ้นในปี 1983 เพื่อเฉลิมฉลองครอบรอบ 200 ปีสนธิสัญญาจอร์จีเอฟสกี (Treaty of Georgie ski) และความสัมพันธ์ระหว่างสหภาพโซเวียต (Soviet Union) และจอร์เจีย (Georgia) ตัวอนุสรณ์สถานในปัจจุบันไม่ได้เป็นสัญลักษณ์ของมิตรภาพระหว่างรัสเซียและจอร์เจียอีกต่อ เนื่องด้วยเหตุการณ์

ค่ำ                รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

 นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก โรงแรม  GUDAURI INN HOTEL (GUDAURI) ระดับ 4 ดาวหรือเทียบเท่า

วันที่ห้า   ป้อมอนานูรี-อ่างเก็บน้ำชินวาลี- วิหารสเวติสโคเวลี – มหาวิหารจวารี- Chronicle of Georgia  (B/L/D)                       

เช้า               รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก

นำท่านชม ป้อมอนานูรี (ANANURI FORTRESS) เป็นสถานที่ก่อสร้างอันเก่าแก่มีกำแพงล้อมรอบและตั้งอยู่ริมแม่น้ำอรักวีที่ตั้งอยู่ห่างจากทบิลิซีประมาณ 45 กม.ซึ่งถูกสร้าง ขึ้นให้เป็นป้อมปราการในศตวรรษที่ 16-17 ภายในยังมีโบสถ์ 2 หลังที่ถูกสร้างได้อย่างงดงามและยังมีหอคอยที่สูงใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ ทำให้เห็นภาพทิวทัศน์อันสวยงามของเบื้องล่างและ อ่างเก็บน้ำซินวาลี (ZHINVALI RESERVOIR) และยังมีเขื่อนซึ่งเป็นสถานที่ที่สำคัญสำหรับนำน้ำที่เก็บไว้ส่งต่อไปยังเมืองหลวงพร้อมผลิตกระแสไฟฟ้าอีกด้วย 

เที่ยง             บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

นำท่านไปชม วิหารสเวติสโคเวลี (SVETI TSKHOVELI CATHEDRAL) ซึ่งเป็นโบสถ์อีกแห่งหนึ่งที่อยู่ในบริเวณของมีตสเคต้า ที่มีรูปแบบของจอร์เจียออร์โธด๊อกถูกสร้างขึ้นในราวศตวรรษที่11โบสถ์แห่งนี้ถือเป็นศูนย์กลางทางศาสนาที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของจอร์เจีย สร้างขึ้นโดยสถาปนิกชาวจอร์เจียชื่อ ARSUKISDZE มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศอีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางที่ทําให้ชาวจอร์เจียเปลี่ยนความเชื่อและหันมานับถือศาสนาคริสต์ และให้ศาสนาคริสต์มาเป็นศาสนาประจําชาติของจอร์เจียเมื่อปี ค.ศ.337 และถือเป็นสิ่งก่อสร้างยุคโบราณที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศจอร์เจีย

ภายในมีภาพเขียนสีเฟรสโก้อย่างงดงาม มหาวิหารจวารี (JVARI MONASTERY)หรือเรียกได้อีกชื่อหนึ่งว่า อารามแห่งไม้กางเขนอันศักดิ์สิทธิ์ ของศานาคริสต์นิกายออโธดอกซ์ สร้างขึ้นเมื่อคริสตวรรษที่ 6 ชาวจอร์เจียสักการะนับถือวิหารแห่งนี้เป็นอย่างมาก ภายในโบสถ์มีไม้กางเขนขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางโถง ชาวเมืองได้ให้ความเคารพนับถือวิหารแห่งนี้เป็นอย่างมาก และได้กล่าวกันว่า นักบุญนีโน่ หรือแม่ชีนีโน่แห่งคัปปาโดเกีย (เมืองหนึ่งในประเทศตุรกีปัจจุบัน) ได้นำไม้กางเขนนี้เข้ามา พร้อมกับการเผยแพร่ศาสนาคริสต์เป็นครั้งแรกในช่วงโบราณกาล

ชมวิหารกาลาติ Gelati เป็นสำนักสงฆ์ยุคกลาง ตั้งอยู่ทางตะวันตกของจอร์เจีย ถือได้ว่าเป็นอารามแห่งแรกในจอร์เจีย ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1106 โดยกษัตริย์เดวิดที่ 4 แห่งจอร์เจีย เพื่อเป็นศูนย์สงฆ์และการศึกษาและเผยแผ่ศาสนาในสมัยนั้น

จากนั้นนำท่านเดินทางกลับเมืองทบิลิซี เมืองหลวงประเทศจอร์เจีย โดยระหว่างทาง

นำท่านชม Chronicle of Georgia (หรือ History Memorial of Georgia) เป็นอนุสาวรีย์ที่ตั้งอยู่ใกล้กับทะเลทบิลิซี สร้างขึ้นโดย Zurab Tsereteli ในปี 1985 แต่ยังสร้างไม่เสร็จ อนุสาวรีย์บันทึกประวัติศาสตร์ของจอร์เจีย อนุสาวรีย์ตั้งอยู่บนบันไดชุดใหญ่ มีเสา 16 ต้นที่สูงระหว่าง 30-35 เมตร และครึ่งบนประกอบด้วยกษัตริย์ ราชินี และวีรบุรุษ

ค่ำ                          รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

 นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก โรงแรม  BEST WESTERN ART HOTEL (TBILISI) ระดับ 4 ดาวหรือเทียบเท่า

วันที่หก   เมืองซินากี  - Monastery onf st. Nino at Bodbe – Wine Tasing (B/L/D)

เช้า               รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก

นำทุกท่านสู่เมืองซินากี SIGHNAGHI (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง 109 ก.ม.) เมืองที่เป็นเอกลักษณ์ และมีความสวยงามที่สุดเมืองหนึ่งของประเทศจอร์เจีย ตั้งอยู่บนภูเขาเหนือกว่าระดับน้ำทะเล 790 เมตร อยู่ในหุบเขาอลาซานี (Alazani Valley) และเทือกเขาคอเคซัส เมืองนี้ได้รับสมญานามว่าเป็น นครแห่งความรัก (City of Love) เพราะว่าเป็นเมืองเดียวที่สามารถจดทะเบียนสมรสได้ตลอด 24 ชั่วโมง สามารถประกอบพิธีการแต่งงาน หรือจดทะเบียนสมรสเมื่อใดก็ได้ และเมืองแห่งนี้ยังมีชื่อเสียงในการทำไร่องุ่น ที่สามารถผลิตไวน์ได้ถึง 70 % ของประเทศ มีกำแพงเมืองล้อมรอบคล้ายกำแพงเมืองจีน ที่ป้องกันการรุกรานของศัตรู ถัดจากตัวเมืองซิคนากีประมาณ 2.5 กิโลเมตร จะมีวิหารบอดี (Bodbe Monastery) เป็นอีกจุดท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยม เป็นอารามคริสต์ในนิกายจอร์เจียนออร์โธดอกซ์ สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 9 และปัจจุบันถูกปรับเป็นเป็นวิหารนางชีเพื่ออุทิศให้นักบุญนีโน่ สตรีผู้ประกาศศาสนาคริสต์ในศตวรรษที่ 4 ถือเป็นจุดท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ที่สำคัญของประเทศจอร์เจีย

อารามนักบุญนีโน่แห่งบอดบี MONASTERY OF ST. NINO AT BODBE จุดหมายปลายทางของผู้แสวงบุญชาวจอร์เจีย เป็นอารามสงฆ์ในนิกายจอร์เจียนออร์โธดอกซ์ สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 9 แต่ได้รับการบูรณะใหม่ทั้งหมดในศตวรรษที่ 17 ปัจจุบันเป็นอารามนางชี อุทิศให้นักบุญนีโน่ สตรีผู้ประกาศศาสนาคริสต์ในศตวรรษที่ 4 โดยหลุมศพของนักบุญนีโนก็ได้รับการบรรจุไว้ในอารามแห่งนี้                               

เที่ยง             บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

จากนั้นนำทุกท่าน เมืองควาเรลี KVARELI เป็นเมืองหนึ่งของแคว้นคาเคติ ที่ขึ้นชื่อในการเป็นแหล่งผลิตไวน์ของประเทศจอร์เจีย มีสภาพดินฟ้าอากาศที่หมาะแก่การปลูกองุ่นเพื่อทำไวน์ มีการขุดเจาะอุโมงค์เพื่อบ่มและเก็บรักษาไวน์และมีเส้นทางเชื่อมต่อแต่ละอุโมงค์ เพื่อใช้เป็นที่เก็บไวน์ในอุณหภูมิที่เหมาะสม อีกทั้งจอร์เจียยังถือเป็นหนึ่งในชาติที่ผลิตไวน์เก่าแก่ที่สุดในยุโรป และได้ชื่อว่าเป็น “The Birth Place of Wine” หรือ “The Cradle of Wine Making” สมกับความหมายของชื่อเมืองที่แปลว่า “ไวน์”

จากนั้นนำท่านเดินทางกลับเมืองทบิลิซี เมืองหลวงประเทศจอร์เจียเพื่อทานข้าวและพักผ่อนที่โรงแรมเดิม

ค่ำ                รับประทานอาหารค่ำ

 นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก โรงแรม  BEST WESTERN ART HOTEL (TBILISI)ระดับ 4 ดาวหรือเทียบเท่า 

วันที่เจ็ด  สะพานแห่งสันติภาพ – ขึ้นกระเช้าไฟฟ้าป้อมนาริคาล่า – มารดาแห่งจอร์เจีย – โรงอาบน้ำโบราณ (B/L/D)

เช้า               รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก

แวะถ่ายรูป สะพานแห่งสันติภาพ เป็นสะพานคนเดินรูปโค้ง โครงสร้างเหล็กและกระจกที่ส่องสว่างด้วยไฟ LED จำนวนมาก เหนือแม่น้ำคูรา เชื่อมสวนสาธารณะกับเมืองเก่าในใจกลางเมืองทบิลิซี

นำท่านเดินทาง ขึ้นกระเช้าไฟฟ้าป้อมนาริคาล่า (NARIKALA FORTRESS) ให้ท่านได้ชมป้อมปราการซึ่งเป็นป้อมโบราณที่ถูกสร้างในราวศตวรรษที่ 4 ใน รูปแบบของชูริส ทซิเค อันหมายถึงรูปแบบที่ไม่มีความสม่ำเสมอกัน และต่อมาในราวศตวรรษที่ 7 สมัยของราชวงศ์อูมัยยาดได้มีการก่อสร้างต่อขยายออกไปอีกและต่อมาในสมัยของกษัตริย์เดวิด (ปีค.ศ.1089-1125) ได้มีการสร้างเพิ่มเติมขึ้นอีก ซึ่งต่อมาเมื่อพวกมองโกลได้เข้ามายึดครอง ก็ได้เรียกชื่อป้อมแห่งนี้ว่า นารินกาลา (NARIN QALA) ซึ่งมีความหมายว่า ป้อมอันเล็ก (LITTLE FORTRESS) และต่อมาบางส่วนได้พังทลายลง เพราะว่าเกิดแผ่นดินไหวและได้ถูกรื้อทำลาย นำท่านถ่ายรูป มารดาแห่งจอร์เจีย (MOTHER OF GEORGIA) อนุสาวรีย์สัญลักษณ์สำคัญที่ตั้ง ตระหง่านอยู่ใจกลางเมืองราวกับกำลังเฝ้ามองผู้คน มีอีกชื่อหนึ่งคือ มารดาคาร์ทลิส และ คาร์ทลิส เดดา เป็นประติมากรรมที่ตั้งอยู่บนยอดเยาโซโลลากีเพื่อฉลองที่ทบิลิซีครบครอบ 1,500 ปี

นำท่านถ่ายรูปกับ โรงอาบน้ำโบราณ อะบาโนตูบานี (ABANOTUBANI SULFUR BATHS) ด้วยความที่เมืองทบิลิซีนั้นมีบ่อน้ำพุร้อนเป็นจำนวนมาก แต่โรงอาบน้ำแห่งนี้เป็นโรงอาบน้ำโบราณแห่งนี้ใช้เป็นสถานที่สำหรับแช่น้ำพุร้อน ที่มีส่วนผสมของแร่กำมะถัน ซึ่งเชื่อกันว่าในน้ำพุร้อนมีแร่ธาตุต่าง ๆ ที่ช่วยกำจัดของเสียและทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง โรงอาบน้ำร้อนแห่งนี้ได้เปิดให้บริการมาอย่างยาวนาน และในปัจจุบันยังคงเปิดให้บริการกันอยู่ 

เที่ยง             บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

15.25 น.       ออกเดินทางสู่สนามบิน เพื่อเดินทางกลับ TBS-DXB
           โดยสายการบินเอมิเรตส์ Emirates เที่ยวบิน EK2201

18.35 น.       เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติดูไบ (รอเปลี่ยนเครื่อง 4 ชั่วโมง)

22.30 น.       ออกเดินทางสู่ สนามบินสุวรรณภูมิ สายการบินเอมิเรตส์ Emirates DXB-BKK เที่ยวบินที่ EK374

                   (CODESHARE FZ0711 สายการบิน FLY DUBAI)

วันที่แปด        กรุงเทพฯ      (-/-/-)